Pages

Friday, September 25, 2009

ทดสอบเกม Dirt2

ทดสอบเกมส์แข่งรถ Dirt2 เป็นเกมส์ที่ภาพสวย รายละเอียดดีมากๆ สมจริงมาก มันส์มากสำหรับคนที่ชอบเกมส์แข่ งรถแนวลุยๆ

Tuesday, July 14, 2009

การเตรียมการรับมือการระบาดใหญ่ ของไข้หวัดใหญ่ในสถานศึกษา

ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1

ไข้หวัดใหญ่
สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1
Influenza A (H1N1)

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เอ เอช1เอ็น1 เป็นโรคที่แพร่ติดต่อระหว่างคนสู่คน เริ่มพบที่ประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา ต่อมาได้แพร่ออกไปยังอีกหลายประเทศ

เชื้อสาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1 (A/H1N1) ซึ่งเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ตัวใหม่ ที่ไม่เคยพบมาก่อน เกิดจากการผสมสารพันธุกรรมของเชื้อไข้หวัดใหญ่ของคน สุกร และนก

การแพร่ติดต่อ
เชื้อไวรัสที่อยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย แพร่ติดต่อไปยังคนอื่น ๆ โดยการไอจามรดกันโดยตรง หรือหายใจเอาฝอยละอองเข้าไป หากอยู่ใกล้ผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร บางรายได้รับเชื้อทางอ้อมผ่านทางมือหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น แก้วน้ำ ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ผ้าเช็ดมือ เป็นต้น เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูก ตา ปาก
ผู้ป่วยอาจเริ่มแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนป่วย ช่วง 3 วันแรกจะแพร่เชื้อได้มากสุด และระยะแพร่เชื้อมักไม่เกิน 7 วัน

อาการป่วย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการหลังจากได้รับเชื้อไวรัส 1 – 3 วัน น้อยรายที่นานถึง 7 วัน อาการป่วยใกล้เคียงกันกับโรคไข้หวัดใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วไป เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ อาจมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสียด้วย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง หายป่วยได้โดยไม่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล อาการจะทุเลาและหายป่วยภายใน 5 – 7 วัน แต่บางรายที่มีอาการปอดอักเสบ รุนแรง จะพบอาการหายใจเร็ว เหนื่อย หอบ หายใจลำบาก ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้

การรักษา
ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที ซึ่งแพทย์จะพิจารณาให้ยาต้านไวรัส คือ ยาโอลเซลทามิเวียร์ (oseltamivir) เป็นยาชนิดกิน หากผู้ป่วยได้รับยาภายใน 2 วันหลังเริ่มป่วย จะให้ผลการรักษาดี
ผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย เช่น มีไข้ต่ำ ๆ และยังรับประทานอาหารได้ อาจไปพบแพทย์ที่คลินิก หรือขอรับยาและคำแนะนำจากเภสัชกรใกล้บ้าน และดูแลรักษากันเองที่บ้าน โดย
- รับประทานยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้พาราเซตามอล ยาละลายเสมหะ เป็นต้น และเช็ดตัวลดไข้เป็นระยะด้วยน้ำสะอาดไม่เย็น
- ดื่มน้ำสะอาดและน้ำผลไม้มาก ๆ งดดื่มน้ำเย็น
- พยายามรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ได้มากพอเพียง เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ไข่ ผัก ผลไม้ เป็นต้น หากรับประทานอาหารได้น้อย อาจต้องได้รับวิตามินเสริม
- นอนหลับพักผ่อนมาก ๆ ในห้องที่อากาศถ่ายเทดี
- ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ ยกเว้นติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ซึ่งต้องรับประทานยาจนหมดตามแพทย์สั่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อดื้อยา

การป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
- หากต้องดูแลผู้ป่วย ควรสวมหน้ากากอนามัย เมื่อดูแลเสร็จ ควรรีบล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดทันที
- ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้าร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
- ใช้ช้อนกลางทุกครั้ง เมื่อรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
- หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังไอ จาม
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมทั้งไข่ นม ผัก และผลไม้ ดื่มน้ำสะอาดและนอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงบุหรี่และสุรา

การป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อ
- หากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ควรลาหยุดงาน หยุดเรียน เป็นเวลา 3 - 7 วัน ซึ่งจะช่วยลดการแพร่ระบาดได้มาก
- พยายามหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดคลุกคลีกับคนอื่น ๆ
- สวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่กับผู้อื่น หรือใช้ทิชชูปิดจมูกปากทุกครั้งที่ไอจาม ทิ้งทิชชูลงในถังขยะที่มีฝาปิด แล้วล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่
ใส่ใจ ห่วงใยคนรอบข้าง
สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อย ๆ
สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค
http://beid.ddc.moph.go.th
4 พฤษภาคม 2552

Thursday, July 9, 2009

นิโคล่า เทสล่า (Nicola tesla) อัฉริยะที่โลกลืม

ประวัติศาสตร์น่าจะจารึกชื่อ นิโคลา เทสลา (Nicola Tesla) ในฐานะชายผู้คิดค้นศตวรรษที่ 20 แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ทฤษฏีวิทยาศาสตร์ของเขาถูกหัวเราะเยาะ และเขาตายอย่างเดียวดายในห้องน้ำของโรงแรมแห่งหนึ่ง โรเบิร์ต โลมัส (Robert Lomas) เล่าเรื่องของศาสดาแห่งวิทยาศาสตร์ไฟฟ้าผู้ถูกลืมให้เราฟัง
ประกายอัจฉริยะโดย โรเบิร์ต โลมัส
" การขยายตัวของอารยธรรมอาจเปรียบได้กับไฟ มันเริ่มจากประกายอันอ่อนแอ ค่อยๆ เติบโตเป็นเปลวเพลิงวับแวม ซึ่งกระพือขึ้นเป็นพระเพลิงลุกโพลง เพิ่มความเร็วและพลังทำลายล้างอย่างไม่สิ้นสุด " นิโคลา เทสลา
ย้อนกลับไปสมัยทศวรรษที่ 1960 วิศวกรไฟฟ้าหนุ่มทั้งหลายมีนิสัยชอบซุกมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋าเวลาเดินไปมา นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นคนสกปรก หรือต้องการจะแสดงท่าทีต่อต้านกระแสสังคม หากเป็นเพราะคำเตือนที่พวกเขาถูกกรอกหูในวันเข้าห้องแล็บครั้งแรกๆ ว่า "กระแสไฟฟ้าที่ช็อตบริเวณหน้าอกของพวกคุณนั้นจะทำให้ถึงตาย กระแสไฟฟ้าเดียวกันที่ช็อตลำตัวพวกคุณเพียงซีกเดียวจะทำให้รู้สึกเสียววูบเท่านั้น" คำแนะนำนี้ทำให้วิศวกรไฟฟ้าทุกคนที่ต้องการมีชีวิตรอด ซุกมือข้างหนึ่งในกระเป๋าเสื้อโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่พวกเขาเดินผ่านกระแสไฟฟ้าอิสระ
สมุดบันทึกของนิโคลา เทสลา สมัยที่เขาพำนักในเมืองโคโลราโด สปริงส์ (Colorado Springs) สะท้อนให้เห็นว่าเขาเป็นวิศวกรคนแรกที่ให้คำแนะนำข้อนี้ ซึ่งนั่นแปลว่าวิศวกรไฟฟ้าหลายคนเป็นหนี้ชีวิตเขา นอกจากคำแนะนำนี้ เทสลายังเป็นผู้คิดค้นเครื่องวัดความเร็วติดรถยนต์ (speedometer) เครื่องวัดอัตราการหมุนของเครื่องจักร (mechanical rev counter) การกระจายเสียงผ่านวิทยุ กระแสไฟฟ้าสลับ (alternating current หรือย่อว่า AC) และเครื่องยนต์เทอร์ไบน์แบบไร้ใบมีด (bladeless turbines)
เป็นไปได้อย่างไร ที่ชายผู้เปี่ยมพรสวรรค์อันหลากหลาย ผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่ทำให้อารยธรรมสมัยใหม่ของเราเป็นความจริงขึ้นมาได้ จะถูกโลกลืม? ชื่อของนักประดิษฐ์รุ่นเดียวกันกับเขา ไม่ว่าจะเป็นเอดิสัน มาร์โคนี เวสท์ติงเฮาส์ และแม้กระทั่ง เจ.พี. มอร์แกน กลายเป็นตำนานสืบต่อมา แต่เทสลากลับไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างต่อสาธารณชนที่ยังใช้ประโยชน์จากงานของเขา
แวดวงวิทยาศาสตร์ให้การสดุดีเทสลา และชื่อของเขาก็ถูกยกให้เป็นหน่วยวัดสนามแม่เหล็ก ในแง่หนึ่งการสดุดีแบบนี้เหมาะสมกับเทสลา เพราะเขาถูกจัดให้อยู่ในทำเนียบเดียวกันกับนักวิทยาศาสตร์ผู้โด่งดังอย่างโวลตา แอมแปร์ กิลเบิร์ต เฮนรี เฮิร์ตซ์ โอห์ม และ ฟาราเดย์ ซึ่งชื่อของพวกเขาล้วนกลายเป็นหน่วยวัดค่าทางแม่เหล็กไฟฟ้าต่างๆ แต่แม้ว่าเขาจะได้รับการยกย่องจากผู้รู้ในแวดวงที่เกี่ยวข้อง ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า เทสลาคงจะอยากได้รับการยอมรับจากประชาชนทั่วไปเหมือนกัน
เพราะเราปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณภาพของชีวิตสมัยใหม่ของเราทุกคนนั้น ขึ้นอยู่กับการจ่ายกระแสไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งคุณงามความดีของความสำเร็จข้อนี้ต้องยกให้เทสลา จริงอยู่ วิศวกรบางคนรู้จักเขา และถูกสอนชื่อเขาในฐานะหน่วยวัดค่าความแปรปรวนของแม่เหล็ก แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติของชายผู้คิดค้นศตวรรษที่ยี่สิบ และคนส่วนใหญ่ก็จำไม่ได้แล้วว่าเราเป็นหนี้บุญคุณอะไรกับเขา
ผมเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ลุ่มหลงในไฟฟ้าและอยากได้ชุดวิทยุไร้สาย เมื่อผมได้ยินชื่อของนิโคลา เทสลาเป็นครั้งแรก ผมไม่ได้อยากได้แค่วิทยุธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ผมอยากได้เครื่องรับวิทยุรุ่น AR88 ที่ใช้ในกองทัพเรือ ผมหมดเวลาช่วงบ่ายวันเสาร์ไปกับการควานหาวิทยุรุ่นนี้ในร้านขายวิทยุมือสองในเมืองแมนเชสเตอร์ หลายสัปดาห์ติดต่อกัน
เพื่อนพ้องของผมบางคนมีวิทยุส่วนตัว และบางครั้งพ่อแม่ผมก็อนุญาตให้ใช้เครื่องวิทยุโทรเลขในห้องนั่งเล่น แต่นั่นมันย่อมเทียบไม่ได้กับการมีวิทยุเป็นของตัวเอง เวลาผมหมุนเครื่องวิทยุโทรเลขลงไปที่คลื่นต่ำๆ เลยจากสถานี Radio Luxembourg ไปอีก ผมจะได้ยินผู้คนที่เป็นเจ้าของเครื่องวิทยุไร้สาย คุยกันเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับคลื่นระยะสั้นของวิทยุพวกเขา และโม้ว่าคุยกับโอเปอเรเตอร์ไกลๆ ที่ไหนได้บ้าง ผมกระหายที่จะรู้เรื่องวิทยุมากขึ้น และความอยากรู้อยากเห็นนี่เองที่ผลักดันให้ผมเสาะแสวงหาวิทยุมาเป็นของตัวเอง
ผมเดินเข้าออกร้านขายของเก่าร้านแล้วร้านเล่า มือกุมกระเป๋าที่ใส่เงินค่าขนมของผมทั้งหมด คุ้ยกองของเก่าไม่รู้กี่กองต่อกี่กอง และหมดเวลาหลายชั่วโมงไปกับการทำตาละห้อยดูวิทยุรุ่นใหม่ๆ ที่ผมไม่มีกำลังซื้อ เย็นวันเสาร์วันหนึ่ง ซึ่งเป็นอีกวันที่ผมไม่ประสบความสำเร็จ สายตาผมเหลือบไปเห็นของชิ้นหนึ่งบนหิ้งที่ดูไม่เข้าพวก – กล่องไม้ปิดฝาโลหะที่ยั่วยวนให้ผมเปิดดูของข้างใน และนั่นเป็นวันที่ผมต้องเสียเงินค่าขนมที่อุตส่าห์สะสมมาทั้งหมด ไปกับ... "เครื่องบำบัดด้วยไฟฟ้าเทสลา" (Tesla Therapeutic Electrotherapy Machine)
เมื่อผมค่อยๆ ยกฝากล่องนั้นขึ้น ฝุ่นอันหนาเตอะฟุ้งขึ้นระคายจมูก ทำให้ผมต้องจามออกมาดังๆ ข้างในกล่อง เครื่องบำบัดนอนสงบนิ่งอยู่บนผ้าบุกำมะหยี่ ดูเหมือนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ มันประกอบด้วยขดลวดเคลือบสะท้อนแสง กระบอกทองแดงสองกันเชื่อมกับหัวลวดงอได้ สวิตช์ทองเหลือง และช่องว่างสำหรับใส่แบตเตอรี่อันใหญ่ ตัวหนังสือบนป้ายที่ติดข้างใต้ฝากล่องพรรณนาถึงประโยชน์ของกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่เจ้าเครื่องมือประหลาดนี้เคยผลิตได้:
"กระแสไฟฟ้าที่ผลิตโดยเครื่องมือนี้ เป็นยำบำรุงชั้นเลิศสำหรับระบบประสาทของมนุษย์ ไฟฟ้าช่วยกระตุ้นการเดินของหัวใจและระบบย่อยอาหาร ทำให้นอนหลับอย่างผ่อนคลาย กำจัดสิ่งแปลกปลอมทีปูดขึ้นบนผิวหนัง และรักษาโรคหวัดและอาการไข้ด้วยความร้อนที่เกิดขึ้น กระแสไฟฟ้านี้ยังทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายที่เป็นอัมพาตกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง บรรเทาอาการทรมานต่างๆ และช่วยชีวิตมนุษย์ได้ปีละหลายพันคน"
ผมตัดสินใจว่า จะชะลอการซื้อวิทยุไร้สายออกไปก่อน ก็ผมมีเครื่องผลิตไฟฟ้าแสนวิเศษอยู่ในมือแล้วนี่นา! ขณะที่ผมนั่งรถรางไฟฟ้ากลับบ้านมากับมัน ผมฝันถึงการทดลองต่างๆ ที่ผมจะทำ เครื่องช็อตไฟฟ้าเครื่องนี้ทำให้ผมมีความสุขมาก เมื่อผมสั่งซื้อแบตเตอรี่ตะเกียงขนาด 6 โวลต์มาจากร้านวิทยุแถวบ้าน เอามาใส่ในเครื่อง ขดลวดก็เริ่มเปล่งประกายแปลบๆ อย่างน่าพอใจ และทำให้ผมรู้สึกเสียววาบไปทั่วตัวเมื่อถือกระบอก ด้วยมือทั้งสองข้าง
เนื่องจากผมรู้สึกกระตือรือร้นกับประโยชน์ของกระแสไฟฟ้าบำบัดเทสลา ผมเลยไปเกลี้ยกล่อมเพื่อนๆ บางคนให้ยืนจับมือกันเป็นวงกลม แล้วก็เอามือของคนสุดท้ายสองคนในวงไปแตะขั้วไฟฟ้าทองแดงเพื่อปิดวง ความรู้สึกจั๊กจี้แผ่ขยายจากมือหนึ่งไปสู่อีกมือหนึ่งรอบๆ วง ทำให้หลายคนอุทานด้วยความแปลกใจที่มือกระตุกเวลากระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน
ความสำเร็จสมัยเด็กครั้งนั้น เป็นจุดเริ่มต้นของความสนใจในการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดตราบชั่วชีวิตของผม ไฟฟ้าเป็นสิ่งค่อนข้างใหม่ และกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสังคมเมื่อไม่นานมานี้เอง คนรุ่นผมน่าจะเป็นรุ่นแรกที่เห็นว่ามันเป็นสิ่งธรรมดาสามัญ ยกตัวอย่างเช่น ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของไอร์แลนด์ มีหุบเขาเล็กๆ ที่คนเรียกต่อๆ กันมาว่า หุบเขาดำมืด (Black Valley) เพราะมันเป็นที่เดียวในประเทศที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพียง 100 ปีที่แล้ว คนจะมองว่าการทำให้บ้านเราสว่างไสวเพียงกดปุ่มเดียวอย่างง่ายดายนั้น เปรียบเสมือนเวทมนตร์อันลึกลับ และหากปราศจากไฟฟ้า โลกนี้จะยังคงมืดมิดและเต็มไปด้วยความยากลำบากกว่าปัจจุบันหลายเท่า
ถ้าถามใครก็ตามที่มีความรู้รอบตัวดี ว่าใครเป็นผู้คิดค้นไฟฟ้า เขาคงตอบว่า " ไมเคิล ฟาราเดย์ " (Michael Faraday) ไปเยือนโรงไฟฟ้าที่ไหนก็ได้สักแห่ง เล่นเกมตอบคำถามในห้องโถง แล้วคุณจะเชื่อว่านั่นเป็นคำตอบที่ถูกต้อง แต่จริงๆ แล้ว ฟาราเดย์ไม่ได้เป็นผู้คิดค้นโลกใหม่ที่ใช้ไฟฟ้าเช่นในปัจจุบัน เขาเพียงแต่ทำการทดลองที่พิสูจน์ให้เห็นชัดว่า กระแสไฟฟ้าและกระแสแม่เหล็กเกิดขึ้นพร้อมกันเสมอ และเขียนหนังสือที่สำคัญมากชื่อ การวิจัยด้านไฟฟ้า (Researches in Electricity) ชายผู้มอบไฟฟ้าให้กับโลกคือ นิโคลา เทสลา ผู้ประดิษฐ์เครื่องบำบัดด้วยไฟฟ้าที่ผมในวัยเด็กมองว่าน่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง
แล้วเทสลามาตายอย่างโดดเดี่ยวและยากจนในโรงแรมเล็กๆ ได้อย่างไร? ทำไมจึงไม่มีใครพบศพของเขาจนกระทั่งสองวันให้หลัง ทำให้วันตายของเขาไม่แน่นอนพอๆ กับวันเกิดของเขา? เหตุใดคนที่ได้รับประโยชน์มากมายจากความช่างประดิษฐ์ของเขา จึงไม่เคยรู้จักชื่อของเขาเลย?
นิสัยของเทสลาเองเป็นต้นเหตุส่วนหนึ่งของความไร้ชื่อเสียงของเขา เทสลาไม่เหมือนกับเอดิสัน เวสต์ติงเฮ้าส์ มาร์โคนี หรือมอร์แกน ตรงที่เขาไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัทที่ช่วยอนุรักษ์ชื่อเสียง และเชิดชูผลงานต่อสาธารณชนตลอดมา หากคนทั่วไปจะจำเทสลาได้ พวกเขาก็จำได้แต่ฐานะคนประหลาดที่เขียนคอลัมน์ส่งหนังสือพิมพ์ ลองดูชื่อตอนที่เทสลาเขียนลงหนังสือพิมพ์ในบั้นปลายชีวิต:
"คลื่นยักษ์ของเทสลาในการทำสงคราม - เป็นไปไม่ได้. การนอนหลับด้วยไฟฟ้า. วิธีการส่งสัญญาณไปดาวอังคาร. เทสลาพูดเรื่องอนาคต. นิโคลา เทสลา วางแผนใช้ 'หัวแม่มือไร้สาย' ในเรือเดินทะเล – สิ่งประดิษฐ์แห่งอนาคต. ภาพลวงตาทางวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง. นิโคลา เทสลา ประกาศว่าเราจะบินได้สูง 8 ไมล์ด้วยความเร็ว 1,000 ไมล์ต่อชั่วโมง. การสื่อสารระหว่างดวงดาว. เทสลาอ้างว่าหมากฝรั่งอันตรายกว่าเหล้ารัม. การสลายพายุทอร์นาโด. นิโคลา เทสลา อธิบายวิธีป้องกันเอธิโอเปียจากการรุกรานของอิตาลี. ดร. เทสลาพยากรณ์ว่าเราจะส่งข้อความไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ."
ในช่วงบั้นปลายชีวิต 26 ปีสุดท้ายของเทสลา ระหว่างปีที่เขาได้รับรางวัลเหรียญเอดิสัน และปีที่เขาตาย ภาพพจน์ของเทสลาในสายตาคนทั่วไปเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คนเลิกมองเขาว่าเป็นวิศวกรผู้เก่งกาจ หันมามองว่าเขาเป็น "คนแก่สติเฟื่อง" ที่พยากรณ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่า ปาฏิหาริย์ส่วนใหญ่ที่เทสลาพยากรณ์เกิดขึ้นจริงๆ นั้น ดูเหมือนจะไม่เคยช่วยให้ชื่อเสียงของเขาดีขึ้นเลย เทสลาไม่เคยเข้าใจหลักมนุษยสัมพันธ์ ไม่ว่าจะในการพูดคุยกับคนสองต่อสอง หรือการวางตัวท่ามกลางฝูงชน คำประกาศที่ฟังดูเหนือจริงที่สุดของเทสลา ล้วนตั้งอยู่บนการใช้เหตุผลทางทฤษฏี บางครั้งเทสลาอธิบายความคิดของเขา แต่บางครั้งก็สวมบท "อัจฉริยะผู้แก่กล้า" และหวังให้คนอ่านต้องยอมรับทุกอย่างที่เขาพูดโดยปริยาย เทสลาชอบเปลี่ยนเรื่องไปพูดถึงไอเดียใหม่ๆ ก่อนที่จะอธิบายไอเดียเก่าให้จบก่อน และนี่ทำให้เขาได้รับสมญานามว่า "สมองผีเสื้อ" แต่บางครั้ง โลกก็จำเทสลาได้และยกย่องเขา
ยกตัวอย่างเช่น ในวันเกิดครบรอบ 75 ปี เทสลาขึ้นปกนิตยสาร TIME ในขณะที่เขาพำนักฟรีอยู่ในโรงแรมชื่อ Grosvoner Clinton ด้วยความเอื้อเฟื้อของผู้จัดการ หลังจากที่ถูกเชิญออกจากโรงแรมหลายแห่งก่อนหน้านี้เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง หลังจากเหตุการณ์นี้ เขาต้องอพยพออกจากโรงแรม Grosvoner Clinton และยอมทิ้งสัมภาระไว้แทนค่าห้อง วิกฤตทางเศรษฐกิจ (Great Depression) ในอเมริกาช่วงนั้นซ้ำเติมให้เทสลามีปัญหาการเงินมากกว่าเดิม เขาพบ 'บ้าน' ที่จะอาศัยอยู่ไปชั่วชีวิตก็ต่อเมื่อรัฐบาลยูโกสลาเวีย ประเทศบ้านเกิดเมืองนอน รู้สึกสงสารพลเมืองที่โด่งดังที่สุดของประเทศ เลยอนุมัติเงินบำนาญให้เทสลาจำนวน 7,200 เหรียญสหรัฐต่อปี แต่ถึงกระนั้นเทสลาก็ยังต้องย้ายโรงแรมบ่อยครั้ง เพราะเขาชอบให้อาหารนกบนโต๊ะ ทำให้มีนกพิราบบินเข้ามาในห้องอยู่เสมอ
เทสลาชอบอ้างว่า เขาสาบานตอนเป็นเด็กว่าจะทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับงาน และจะไม่มีวันเสียเวลากับการแต่งงาน แต่เมื่อเขาแก่ตัวลง ปากจัดมากขึ้นและมีคนนับถือน้อยลง เทสลาคงรู้สึกเสียดายที่ไม่มีคนใกล้ชิดคอยเป็นคนฟัง พี่สาวน้องสาวของเทสลาทุกคนตายก่อนเขา และสมาชิกในครอบครัวเพียงคนเดียวที่เขาติดต่อด้วยในช่วงบั้นปลายชีวิตคือหลานชายชื่อ ซาวา โคซาโนวิช (Sava Kosanovich) ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่ลุ่มๆ ดอนๆ ความว้าเหว่ทำให้เทสลามักตีสนิทกับนักข่าวสายวิทยาศาสตร์ที่เป็นผู้ชาย และโทรไปคุยกับพวกเขาเป็นชั่วโมงๆ ไม่เว้นเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน
เทสลาฉลองวันเกิดที่เขาอ้างว่าไม่มี (เพราะไม่รู้วันที่แน่ชัด) ด้วยการจัดงานเลี้ยงใหญ่โตที่เขาไม่มีปัญญาจ่าย ในร้านอาหารหรูๆ ของกรุงนิวยอร์ค เชิญนักข่าวมางานเลี้ยง ให้พวกเขา 'จ่าย' ค่าอาหารเย็นอย่างสาสมด้วยการบังคับให้ฟังปาฐกถาอันยืดยาวเกี่ยวกับอนาคต เทสลามีสุขภาพแข็งแรงจนกระทั่งเขาถูกรถแท็กซี่นิวยอร์คชนขณะเดินข้ามถนน ตอนเขาอายุ 81 ปี สุขภาพของเขาเริ่มทรุดโทรมลงหลังจากนั้น
หลังจากถูกรถชนไม่นาน สมองของเทสลาก็ยังใสพอที่จะให้เขาวิพากษ์ทฤษฏีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ ในคำประกาศที่เขาแจกในงานวันเกิดของเขาในปีนั้น แทนที่จะพูดปาฐกถาเหมือนทุกปีที่ผ่านมา:
"ผมได้คิดค้นทฤษฎีแรงโน้มถ่วงที่มีพลวัต (dynamic theory of gravity) ในรายละเอียดเสร็จสิ้นแล้ว และผมหวังว่าจะมอบทฤษฎีนี้ให้กับโลกในไม่ช้า ทฤษฎีนี้อธิบายสาเหตุต่างๆ ของแรงโน้มถ่วง และการเคลื่อนไหวของดวงดาวต่างๆ ภายใต้อิทธิพลของมัน อย่างน่าพอใจเสียจนทุกคนจะเลิกตั้งสมมุติฐานผิดๆ และเลิกเข้าใจผิด เช่นเรื่องอวกาศที่โค้งได้ เหล่านักทฤษฎีสัมพัทธภาพเชื่อว่า อวกาศมักจะโค้งงอเนื่องจากคุณสมบัติของวัตถุต่างๆ ในอวกาศ
แม้ว่าเราจะเชื่อว่าไอเดียนี้มีทางเป็นไปได้จริง มันก็ยังขัดแย้งในตัวเองอยู่ดี การกระทำทุกชนิด (action) ย่อมก่อให้เกิดแรงสะท้อนกลับ (reaction) ในทางตรงกันข้ามเสมอ ดังนั้นถ้าดวงดาวทำให้อวกาศรอบๆ โค้งงอ ผมก็คิดง่ายๆ ว่าอวกาศที่โค้งงอนั้นก็ต้องมีแรงสะท้อนกลับไปที่ดวงดาวเหล่านั้น ทำให้เส้นโค้งกลับเป็นเส้นตรง เพราะการกระทำและแรงสะท้อนเป็นของคู่กันเสมอ การโค้งงอของอวกาศจึงเป็นไปไม่ได้เลย และถึงมันจะมีอยู่จริง การโค้งงอนั้นก็ไม่สามารถอธิบายการเคลื่อนไหวของวัตถุต่างๆ ที่เราสังเกตได้ มีเพียงสนามพลังเท่านั้นที่อธิบายได้ และสมมุติฐานต่างๆ ในข้อนี้ก็หักล้างแนวคิดเรื่องการโค้งงอทั้งหมด ข้อเขียนทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไร้ประโยชน์ และในที่สุดก็จะถูกลืม"
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เทสลาไม่เคยตีพิมพ์ทฤษฎีแรงโน้มถ่วงที่มีพลวัติของเขา องค์ความรู้ที่เรามีเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงในปัจจุบันบอกว่า เมื่อวัตถุหนักเคลื่อนที่ มันจะแผ่คลื่นแรงโน้มถ่วง (gravity wave) ออกมา ซึ่งมีความเร็วเท่ากับความเร็วแสง คลื่นแรงโน้มถ่วงนี้มีคุณสมบัติคล้ายกันกับคลื่นชนิดอื่นๆ อีกหลายชนิด สิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเทสลาล้วนตั้งอยู่บนองค์ความรู้เกี่ยวกับคลื่น เขาเชื่อมั่นว่า เสียง แสง ความร้อน รังสีเอ็กซ์เรย์ และวิทยุ ล้วนเป็นคลื่นที่เกี่ยวข้องกัน และเราสามารถค้นคว้าได้ด้วยสมการคณิตศาสตร์ประเภทเดียวกัน ความเห็นของเทสลาที่ไม่ตรงกันกับไอน์สไตน์ สะท้อนให้เห็นว่าเขาได้ขยายแนวคิดนี้ไปสู่แรงโน้มถ่วงด้วย
ในคริสตทศวรรษ 1980 ความคิดของเทสลาได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้อง ผลการวิจัยเรื่องการสูญเสียพลังงานในพัลซาร์ดาวคู่นิวตรอน (double neutron star pulsar) ชื่อ PSR 1913+16 พิสูจน์ว่าคลื่นแรงโน้มถ่วงมีอยู่จริง ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจกับไอเดียของเทสลาที่ว่า แรงโน้มถ่วงเป็นสนามพลัง มากกว่าที่ไอน์สไตน์ให้ความสนใจ โชคร้ายที่เทสลาไม่เคยอธิบายว่าอะไรทำให้เขาสรุปแบบนี้ และไม่เคยอธิบายทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของเขาให้โลกรู้ การโจมตีงานของไอน์สไตน์ทำให้แวดวงวิทยาศาสตร์ตอนนั้นโจมตีเทสลาอย่างมหาศาล เราเพิ่งจะเข้าใจแรงโน้มถ่วงมากพอที่จะระลึกได้ว่า ความคิดของเทสลานั้นถูกต้อง เมื่อไม่นานมานี้เอง
หลังจากนั้น เทสลาออกประกาศอีกฉบับหนึ่งที่อุกอาจกว่าเดิม เรื่องนี้ช่วยให้เขากลายเป็นคนที่โลกลืมหลังจากตายไปแล้ว:
"ผมทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ในรอบปีที่ผ่านมา ไปกับการประดิษฐ์เครื่องมือใหม่ชิ้นเล็กๆ ที่สามารถส่งพลังงานปริมาณมหาศาลผ่านห้วงอวกาศได้ โดยปราศจากการแพร่กระจาย(ของพลังงาน) ผมกำลังจะส่งคำอธิบายเครื่องมือตัวนี้ พร้อมข้อมูลและผลการคำนวณต่างๆ ไปให้สถาบันฝรั่งเศส (Institute of France) เพื่อขอรับเงินรางวัล Guzman Prize จำนวน 100,000 ฟรังค์ ที่ประกาศให้กับคนที่คิดค้นวิธีติดต่อสื่อสารกับโลกอื่น ผมมั่นใจว่ารางวัลนี้จะตกเป็นของผม แน่นอน เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ผมยินดีทุ่มเทให้เกือบทั้งชีวิต เพื่อเกียรติยศที่จะได้รับการจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นคนแรกที่ทำให้ปาฏิหาริย์นี้เป็นจริง"
เทสลาไม่ได้รับรางวัลนั้น และไม่เคยอธิบายงานชิ้นนี้ของเขา รัฐบาลฝรั่งเศสไม่เคยได้รับการติดต่อจากเทสลาอีกเลย หลังจากที่เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นเกินการคาดเดาของทั้งสองฝ่าย ฮิตเลอร์เริ่มขยายอิทธิพลเข้ามาในยุโรป และยกทัพบุกฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2483
สิ่งประดิษฐ์ที่เทสลาพูดถึงข้างต้น น่าจะเป็นปืนพลาสมา หรือไม่ก็เครื่องยิงแสงเลเซอร์ เพื่อผลิตอนุภาคพลังงานสูงในบรรยากาศชั้นสูงของโลก บันทึกจากโคโลราโดของเขาแสดงให้เห็นว่า เทสลารู้ดีถึงความเป็นไปได้ทั้งสองอย่างนี้ และสิ่งประดิษฐ์ทั้งสองอย่างก็จะเป็นผลสืบเนื่องอันมีเหตุผลจากการทดลองเกี่ยวกับฟ้าแลบของเขา
ในปี 2483 หลังจากวันเกิดครบรอบ 84 ปีของเขาไม่กี่วัน เทสลาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ New York Times ซึ่งลงตีพิมพ์ในฉบับวันที่ 22 กันยายน ว่า:
"นิโคลา เทสลา หนึ่งในนักประดิษฐ์ที่เก่งที่สุด ซึ่งเพิ่งฉลองวันเกิดอายุ 84 ปีของเขาไปเมื่อวันที่ 10 กรกฏาคมที่ผ่านมา บอกกับผู้เขียนว่า เขาพร้อมที่จะเปิดเผยความลับเกี่ยวกับพลัง 'โทรกำลัง' (teleforce) ต่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกา พลังนี้มีอานุภาพหลอมละลายเครื่องยนต์ของเครื่องบินจากระยะไกลถึง 250 ไมล์ ทำให้สามารถสร้างแนวกำแพงป้องกันรอบประเทศแบบกำแพงเมืองจีน แต่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า"
( Teleforce Tower )
ไม่มีนักวิทยาศาสตร์ร่วมสมัยคนไหนวิจารณ์บทความชิ้นนี้ เมื่อมาถึงตอนนี้ ชื่อเสียงของเทสลาในฐานะคนอยากดัง พุ่งสูงกว่าความสามารถของเขาที่จะทำให้คนเชื่อในสิ่งที่พูด และในขณะที่ฮิตเลอร์กำลังกรีฑาทัพเข้าสู่ยุโรป ทุกคนมีเรื่องอื่นให้ปวดหัวมากกว่า
เมื่อถึงปีถัดมาคือ พ.ศ. 2484 สหรัฐอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สอง และเทสลาเองก็คงเป็นกังวลกับการที่ประเทศบ้านเกิดของเขาพ่ายแพ้ต่อกองทัพเยอรมันในเวลาเดียวกัน เขาจะทำอย่างไรกับ 'รังสีหายนะ' (Death Ray) ซึ่งเป็นชื่อที่หนังสือพิมพ์ขนานนามให้กับขีปนาวุธ 'โทรกำลัง' ของเขา? เทสลาต้องการยกมันให้กับรัฐบาลอเมริกัน เพื่อช่วยทั้งประเทศบุญธรรม และประเทศบ้านเกิดของเขา
ในวันที่ 5 มกราคม 2586 เทสลาโทรศัพท์ไปหาพันเอกเออร์สไกน์ (Erskine) รัฐมนตรีสงครามของอเมริกา เสนอยกความลับของขีปนาวุธ 'โทรกำลัง' ให้ทั้งหมด เออร์สไกน์ไม่รู้ว่าเทสลาคือใคร ก็เลยคิดว่าเขาเป็นแค่คนบ้าคนหนึ่ง ให้สัญญากับเทสลาว่าจะติดต่อกลับ แล้วหลังจากนั้นก็ลืมเขา นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เทสลาติดต่อกับโลกภายนอก ถึงตอนนี้เขาล้มป่วยอย่างรุนแรง หัวใจที่อ่อนแอของเขาก่อให้เกิดอาการเวียนหัวบ่อยครั้ง ตอนนั้นเทสลาพักอยู่ในโรงแรม New Yorker ในเย็นวันที่ 5 มกราคม วันเดียวกัน เทสลาแจ้งโรงแรมว่าไม่ต้องการให้ใครรบกวน แล้วหลังจากนั้นก็เข้านอน เขามักแจ้งโรงแรมว่าไม่ให้รบกวนช่วงละ 2-3 วัน แต่นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็นเขาขณะมีชีวิต
เหตุการณ์ต่อจากจุดนั้นเกิดขึ้นเหมือนในหนังเร้าใจเรื่องแย่ๆ เรื่องหนึ่ง เทสลาตายด้วยอาการหัวใจล้มเหลวระหว่างเย็นวันอังคารที่ 5 มกราคม และเช้าวันศุกร์ที่ 8 มกราคม พนักงานทำความสะอาดเป็นคนพบศพเขาในเช้าวันศุกร์ ญาติคนเดียวของเทสลาที่คนรู้จัก คือหลานชายที่ชื่อ ซาวา โคซาโนวิช นั้น เป็นผู้อพยพจากยูโกสลาเวียที่หลบหนีกองทัพเยอรมันมายังอเมริกา เขาก็เหมือนผู้อพยพอื่นๆ อีกหลายคน คืออยู่ภายใต้การสอดแนมของตำรวจ FBI ในฐานะคนที่อาจเป็นสายลับของศัตรู
ในคืนวันที่ 8 มกราคม ซาวา โคซาโนวิช และชายอีกสองคนคือ จอร์จ คลาร์ก (George Clark) และเคนเน็ธ สวีซีส์ (Kenneth Sweezey) ซึ่งเป็นนักข่าวหนุ่มสายวิทยาศาสตร์ ไปที่ห้องของเทสลาในโรงแรม พร้อมกับช่างทำกุญแจเพื่อเปิดตู้เซฟข้างใน โคซาโนวิชบอกชายอีกสองคนว่าเขามาหาพินัยกรรมของลุง ผู้ช่วยผู้จัดการโรงแรมสามคน และตัวแทนจากกงสุลประเทศยูโกสลาเวีย อยู่ในห้องนั้นด้วยในฐานะพยาน สวีซีส์หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากเซฟ และหลังจากนั้นตู้เซฟก็ถูกล็อคด้วยรหัสใหม่ ที่มอบให้กับโคซาโนวิช ถ้าเขาพบพินัยกรรมของเทสลา เขาไม่เคยบอกให้ใครรู้ เพราะเทสลาถูกบันทึกว่าตายโดยที่ไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ (อย่างไรก็ตาม ในที่สุดโคซาโนวิชก็เก็บรวบรวมข้อเขียนและอุปกรณ์ต่างๆ ของเทสลาได้ครบ ของเหล่านี้ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์เทสลา ในกรุงเบลเกรด)
เย็นวันเดียวกัน พันเอกเออร์สไกน์แจ้งกับตำรวจ FBI ว่า เทสลาตายแล้ว และบอกว่าหลานชายของเขาคือโคซาโนวิชได้ยึดเอกสารต่างๆ ที่อาจใช้ในการทำสงครามกับรัฐบาลอเมริกันได้ FBI ติดต่อกรุงนิวยอร์คทันที และได้รับคำยืนยันว่าโคซาโนวิชและคนอื่นๆ ได้เข้าไปในห้องของเทสลา พร้อมกับช่างกุญแจ FBI จึงไปขอให้หน่วยพิทักษ์ทรัพย์สินคนต่างด้าว (Alien Property Custodian) เป็นตัวแทนรัฐบาล ไปยึดของต่างๆ คืนมา
เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ทรัพย์สินคนต่างด้าวชื่อ ฟิตซ์เจอร์รัลด์ (Fitzgerald) ไปที่ห้องของเทสลาในโรงแรม ยกของที่เหลือออกไปทั้งหมด ได้ของประมาณเต็มสองคันรถบรรทุก เขาสั่งห่อของทั้งหมดให้แน่นหนา ส่งไปที่บริษัท Manhattan Storage and Warehouse ในนิวยอร์ค ซึ่งเป็นที่เก็บของอื่นๆ ของเทสลาอีก 30 กล่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477 หลังจากนั้น หน่วยพิทักษ์ทรัพย์สินคนต่างด้าวเข้ายึดทรัพย์สินทั้งหมดของเทสลาในเช้าวันเสาร์ และแจ้งกองทัพเรือให้ช่วยถ่ายสำเนาเอกสารทั้งหมดของเขาลงบนไมโครฟิล์ม
ตำรวจ FBI ค้นพบด้วยว่า เทสลาเคยเก็บสิ่งประดิษฐ์ชิ้นหนึ่งในตู้เซฟของโรงแรม Grosvoner Clinton เมื่อปี พ.ศ. 2475 แต่เมื่อ FBI ไปยึด โรงแรมไม่ยอมเปิดตู้เซฟให้ จนกว่า FBI จะยอมจ่ายบิลค่าห้องและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เทสลาค้างชำระ อย่างไรก็ตาม โรงแรมตกลงว่าจะแจ้ง FBI ทันทีที่มีคนมาขอเปิดเซฟนี้
ข้อมูลของ FBI ระบุว่า ซาวา โคซาโนวิช พยายามครอบครองข้าวของต่างๆ ของเทสลา และกลัวว่าโคซาโนวิชจะนำความลับไปบอกศัตรู FBI ปรึกษากับที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของรองประธานาธิบดีวอลเลซ (Wallace) และได้รับคำตอบว่า ให้ทำทุกวิถีทางที่จะยึดสมบัติของเทสลามาให้ได้ ที่ปรึกษาผู้นี้ยังบอก FBI ด้วยว่า เทสลาทดลองการส่งพลังงานไร้สายได้สำเร็จแล้ว และได้คิดค้นตอร์ปิโดแบบใหม่ ทั้งแบบแปลนและโมเดลใช้งานได้ ที่ใช้เงินกว่า 10,000 เหรียญสหรัฐในการสร้าง ถูกเก็บไว้ที่เซฟในโรงแรม Grosvoner Clinton โมเดลนี้เกี่ยวโยงกับรังสีหายนะและการจ่ายกระแสไฟฟ้าแบบไร้สาย
FBI ตัดสินใจปรึกษาอัยการของรัฐ เกี่ยวกับแผนที่จะจับกุมโคซาโนวิช ในข้อหาลักทรัพย์ เพื่อยึดเอกสารที่เขาได้ไปจากตู้เซฟในห้องเทสลา เมื่อถึงตอนนี้ หน่วยพิทักษ์ทรัพย์สินคนต่างด้าวก็รับมอบอำนาจหน้าที่ไปจาก FBI ในการติดตามข้าวของของเทสลา ถึงตรงนี้บันทึกเหตุการณ์ของ FBI ก็สิ้นสุดลง


เจ. เอดการ์ ฮูเวอร์ (J Edgar Hoover – อดีตประธานาธิบดีอเมริกา) ลงนามในบันทึกฉบับหนึ่งที่ส่งไปยังเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องว่า 'เรื่องราวทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนิโคลา เทสลา ผู้ล่วงลับไปแล้ว ต้องถูกจัดการอย่างลับที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งประดิษฐ์ของเขาตกเป็นข่าว และทุกฝ่ายต้องระวังรักษาความลับของสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้น ให้เป็นความลับตลอดไป'
ด้วยเหตุนั้น งานทั้งชีวิตของเทสลา ก็ถูกตีตรา 'ลับที่สุด' และห้ามไม่ให้ใครอภิปรายเรื่องนี้อีกเลย
คงเป็นตลกร้าย ที่รังสีหายนะของเทสลาเป็นเรื่องจริง ซึ่งเพียงเมื่อไม่กี่ปีมานี้เองที่วงการวิทยาศาสตร์ตามทันเขา ในวันที่ 18 ตุลาคม 2538 กระทรวงกลาโหมสหรัฐประกาศว่า กระทรวงฯ กำลังจะเริ่มสร้างศูนย์วิจัยไอโอโนสเฟียร์ (ionosphere คือชั้นบรรยากาศช่วงที่อยู่ห่างระหว่าง 80-1000 กิโลเมตรจากพื้นผิวโลก) ในเมืองกาโคนา มลรัฐอลาสกา ศูนย์นี้มีชื่อว่า HAARP (High Frequency Active Auroral Research Program) ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัย Alaska, Massachusetts, Stanford, Penn State, Tulsa, Clemson, Maryland, Cornell, UCLA และ MIT ในการดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อศึกษาคุณสมบัติการสะท้อน (resonant properties) ของโลกและชั้นบรรยากาศของโลก โครงการนี้มีความเกี่ยวโยงกับงานของเทสลาอย่างชัดเจน HAARP กำลังศึกษาปรากฏการณ์เดียวกันกับที่เทสลาค้นคว้าที่โคโลราโดกว่า 100 ปีที่แล้ว
HAARP ตั้งอยู่บนแนวคิดของเบอร์นาร์ด อีสต์ลันด์ (Bernard Eastlund) เจ้าของสิทธิบัตรสามใบที่จดในอเมริกา (หมายเลข 4,686,605 - 4,712,158 - 5,038,664) ซึ่งล้วนเป็นการปรับปรุงเทคโนโลยีในสิทธิบัตรที่เทสลาจดไว้ หลังจากทำการทดลองที่โคโลราโด ชื่อของสิทธิบัตรของเขาได้แก่: วิธีการและเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงบริเวณในชั้นบรรยากาศของโลก, วิธีการและเครื่องมือในการสร้างเครื่องเครื่องเร่งอิเล็คตรอนไซโคลตรอน (electron cyclotron) ด้วยความร้อนพลาสมา, วิธีการผลิตอนุภาคสัมพัทธภาพ (relativistic particles) เหนือพื้นผิวโลก
สิทธิบัตรใบสุดท้าย ซึ่งอธิบายโลห์ป้องกันจรวดขีปนาวุธที่สามารถทำลายวงจรอิเล็คทรอนิคส์ของจรวดหรือดาวเทียมศัตรูได้ คือรังสีหายนะของเทสลา มันทำงานด้วยการสร้างหลุมพลาสมาที่ประกอบด้วยอนุภาคพลังงานสูง นั่นคือเวอร์ชั่นยักษ์ของลูกบอลสายฟ้าของเทสลาที่โคโลราโดนั่นเอง
ฉะนั้น เทสลาจึงมีเรื่องให้ 'หัวเราะทีหลังดังกว่า' ถึงสองข้อด้วยกัน ข้อแรกคือ มีคนสร้าง 'โทรกำลัง' ของเขาขึ้นมาจริงๆ และข้อสอง เขาเป็นผู้ชนะในสงครามสิทธิบัตรกับมาร์โคนี หลังจากเทสลาตายไปแล้วหกเดือน เมื่อศาลสูงของอเมริกาออกคำตัดสินยืนยันว่า นิโคลา เทสลา เป็นผู้ประดิษฐ์วิทยุเป็นคนแรกของโลก! อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นชัยชนะที่ว่างเปล่า เพราะสิทธิบัตรทั้งสองใบได้หมดอายุไปแล้ว นักประดิษฐ์ทั้งสองคนก็ตายไปแล้ว และก็ไม่มีใครคุยกันเรื่องนี้ได้เพราะรัฐบาลมีคำสั่ง 'ลับที่สุด' ห้ามทุกคนพูดถึงงานของเทสลา
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากห่วงโซ่เหตุการณ์ที่น่าเศร้าดังกล่าวคือ ผู้ทำประโยชน์มหาศาลให้กับมนุษยชาติคนหนึ่งต้องกลายเป็นบุคคลที่โลกลืม เทสลาตายแบบเดียวกับที่เขาใช้ชีวิตในบั้นปลายสุดท้าย อย่างเดียวดาย ว้าเหว่ และลับที่สุด กลายเป็นคนลึกลับนานหลายปีเพราะให้ข้อเสนอสุดท้ายที่น่าตกใจต่อรัฐบาลอเมริกัน
เทสลาเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ชาญฉลาดอย่างน่าอัศจรรย์ใจ เป็นผู้ทำนายที่มองเห็นอนาคตได้จริง แต่ไม่ได้รับการเหลียวแลตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาเป็นปัจเจกชนที่เอาแต่ใจตัวเองเสียจนไม่เคยมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับใคร ไม่ว่าหญิงหรือชาย แต่เขาก็เป็นคนที่มีวัฒนธรรมสูงส่ง – เทสลาพูดได้หลายภาษา และอ่านหนังสืออย่างกว้างขวาง ในช่วงบั้นปลายชีวิต เทสลาหาเงินเลี้ยงชีพส่วนหนึ่งจากการรับแปลวรรณกรรมเป็นภาษายุโรปตะวันออก แต่เขาไม่เคยก่อตั้งบริษัท หรือสายสัมพันธ์ใดๆ กับสถาบันซึ่งจะช่วยอนุรักษ์ผลงานของเขาได้ พิพิธภัณฑ์เทสลาในกรุงเบลเกรดถูกก่อตั้งขึ้นนานหลังจากวันตายของเขา
โอกาสใดๆ ก็ตามที่โลกอาจมี ในการเฉลิมฉลองผลงานของเทสลา ต้องสลายไปหมดสิ้นกับความกลัวในอเมริกายุคสงคราม ที่ก่อตัวขึ้นเมื่อเขาตาย งานทั้งหมดของเขาถูกตีตรา 'ลับที่สุด' โดย FBI กองทัพเรือ และรองประธานาธิบดีวอลเลซ เราสามารถพูดถึงเขาได้เมื่อปัจจุบันนี้เอง หลังจากเวลาผ่านไปแล้วเกือบ 100 ปี เทสลาคงเป็นคนที่ใครๆ ทำงานด้วยยาก ความที่เขาเป็นคนบ้างานและไม่มีความอดทนที่จะคุยกับคนที่มีสติปัญญาด้อยกว่า แปลว่าคงมีวิศวกรหลายคนที่โดนเทสลาดุด่า แต่เขาคงเป็นคู่สนทนาที่ยอดเยี่ยมในงานเลี้ยงมื้อเย็นที่เขาเป็นเจ้าภาพสมัยยังหนุ่มๆ
ผมนั่งอยู่ที่นี่ รอบตัวแวดล้อมด้วยมรดกของเทสลา เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำงานด้วยไฟฟ้าของผมอยู่ข้างกายในห้องทำงาน สว่างไสวด้วยหลอดไฟนีออน ห้องอุ่นด้วยน้ำร้อนที่ปั๊มจากมอเตอร์ที่ใช้กระแสไฟฟ้าสลับ ฟังเสียงดนตรีจากวิทยุพลังแบตเตอรี่ เครื่องสแกนเนอร์และโมเด็มตั้งอยู่บนโต๊ะ เตรียมพร้อมที่จะส่งและรับสัญญาณภาพและข้อความจากทั่วโลก ผมกำลังใช้มรดกที่เทสลาเป็นผู้ให้

ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังตกหลังเนินเขาเพ็นไนน์ ผมมองเห็นอนุสรณ์ของเทสลามากมาย ที่กำลังส่งกระแสไฟฟ้าไปทั่วประเทศ เลยไปอีกไกลโพ้น ผมเห็นสายเคเบิลแรงสูงของกริดไฟฟ้าระโยงระยางระหว่างเสา ส่งเสียงแปลบปลาบในอากาศชื้นเย็นยามสนธยา อีกด้านหนึ่งของหุบเขา สายไฟฟ้าระดับ 11,000 โวลต์ขึงระหว่างเสาไม้รูปตัวที หม้อแปลงไฟฟ้าปรับแรงดันไฟฟ้าให้เหลือ 240 โวลต์ ส่งผ่านสายเคเบิลสั้นๆ เข้ามาในบ้านผม
เมื่อไหร่ที่คุณเห็นเสาไฟฟ้าแรงสูงที่ส่งพลังงานมาบันดาลให้ชีวิตสมัยใหม่ของคุณเป็นจริง ลองซุกมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋า และใช้เวลาอึดใจหนึ่งขอบคุณนิโคลา เทสลา ชายผู้ว้าเหว่ ถูกลืม พูดมาก หมกมุ่น และปราดเปรื่องผู้มอบสิ่งนั้นให้กับคุณ
เทสลาสรุปชีวิตของเขาเองด้วยถ้อยคำสั้นๆ ดังต่อไปนี้:
"ผมรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก ที่รู้ว่าระบบการจ่ายพลังงานของผม เป็นที่ใช้กันทั่วโลกเพื่อลดภาระของมนุษยชาติ และเพิ่มพูนความสะดวกสบายและความสุข และผมก็พอใจที่รู้ว่า ระบบ(การจ่ายไฟฟ้าแบบ)ไร้สายของผมถูกใช้ในการให้บริการและให้ความเพลิดเพลินกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในทุกพื้นที่ทั่วโลก."
-----------------------------------------------------------------------
--- ข้อความข้างล่างต่อจากนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ---
... อัจฉริยะที่โลกลืม VI ...ข้อความ : และแล้วก็มาถึง... อาวุธลำแสงมหาประลัย ไม่มีใครรู้ว่า "ลำแสงมหาประลัย" ของนิโคลาทำงานอย่างไร ได้แต่เดากันว่ามันน่าจะเกิดจากการเร่งอานุภาพของอิเล็กตรอน นิโคลาได้แย้มให้ฟังว่าลำแสงมหาประลัยนี้เป็นผลมาจากการขยายกำลังไฟฟ้าซึ่งมันจะถูกบีบอัดรวมกันก่อนที่จะถูกปล่อยออกไปเป็นลำแสงขนาดเล็กและอานุภาพของลำแสงนี้จะไม่ลดลงแม้ว่ามันจะถูกยิงออกไปไกลมาก ๆ ก็ตาม ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่านิโคลา ได้สร้างอาวุธลำแสงมหาประลัยนี้ขึ้นมาจริง ๆ หรือเปล่า แต่เรื่องที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังต่อไปนีเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืนหนึ่งในปี ค.ศ. 1908 ที่สามารถนำเข้ามาผูกกับเรื่องอาวุธลำแสงมหาประลัยของนิโคลาได้อย่างลงตัว เรื่องก็มีอยู่ว่า นิโคลา ได้ข่าวมาว่ามีนักสำรวจคนหนึ่งชื่อ โรเบิร์ต เพียรีย์ ( Robert Peary ) กำลังจะเดินทางไปสำรวจขั้วโลกเหนือ นิโคลาก็เลยขอร้องเป็นนัย ๆ ให้โรเบิร์ต ช่วยสังเกตุดูว่ามีเหตุ การณ์ผิดปรกติอะไรเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่าเมื่อเขาไปถึงที่ขั้วโลกเหนือ คืนวันที่ 30 มิถุนายน นิโคลากะเวลาว่าโรเบิร์ตน่าจะไปถึงขั้วโลกเหนือแล้ว เขาและผู้ช่วยของเขาก็ขึ้นไปบนหอคอยวอร์เด็นคลิฟฟ์ นิโคลาหันปากกระบอกปืนลำแสงมหาประลัย เล็งตรงไปยังจุดที่เขาคำนวณออกมาว่าเป็นตำแหน่งทางทิศตะวันตกของคณะสำรวจของโรเบิร์ตที่ขั้วโลกเหนือ นิโคลาเปิดสวิทซ์เครื่องยิงลำแสง มันบอกได้ยากว่าเครื่องยิงลำแสงมหาประลัยทำงานหรือเปล่า เพราะว่ามีเพียงลำแสงอ่อน ๆ ที่มองแทบไม่เห็นพุ่งออกมา แต่ทันใดนั้นก็มีนกเค้าแมวบินจากคานที่มันเกาะอยู่บนหอคอย ตรงไปบนยอดหอคอย ทันทีที่มันบินผ่านเข้ายังบริเวณลำแสง มันถูกเผาซะกลายเป็นจุลในทันทีทันใด ! ที่ต้องทำต่อไปก็คือรอคอยคำตอบจากโรเบิร์ต นิโคลาทั้งเฝ้าดูข่าวจากหนังสือพิมพ์ และส่งโทรเลขไปหาโรเบิร์ต แต่เขาก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด นิโคลาเตรียมตัวเตรียมใจกับความล้มเหลว แต่แล้วเขาก็เห็นข่าวเหตุการณ์ประหลาดในหน้าหนังสือพิมพ์
การระเบิดที่ ทังกุสก้า เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่ ทังกัสก้า ( Tunguska ) ในแคว้นไซบีเรียของรัสเซียเมื่อวันที 30 มิถุนายน แรงระเบิดเทียบเท่าได้กับระเบิดทีเอ็นที ขนาด 10-15 เมกาตัน ทำลายล้างป่าสนกินพื้นที่กว่า 500,000 เอเคอร์ ( 1,250,000 ไร่ ) แรงระเบิดได้ยินไกลเป็นรัศมีกว้างถึง 620 ไมล์นับว่าเป็นการระเบิดที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีในประวัติศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างลงความเห็นว่าการระเบิดน่าจะเกิดจากการที่มีดาวหางขนาดใหญ่ประมาณ 100,000 ตันที่ประกอบไปด้วยฝุ่นและน้ำแข็ง พุ่งเข้าสู่โลกด้วยความเร็ว 62,000 ไมล์ต่อชั่วโมง ทันทีที่มันวิ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก การเสียดสีทำให้มันลุกไหม้และระเบิดขึ้นเหนือทังกุสก้า ก่อนที่มันจะตกถึงโลก ส่วนนักวิทยาศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่ามันเกิดจากการระเบิดของยานอวกาศมนุษย์ต่างดาวแต่ทั้ง 2 ทฤษฎีจะฟังดูอ่อนไปเนื่องจากไม่มีการค้นพบเศษชิ้นส่วนโลหะหรือแร่ธาตุที่แปลกปลอมทั่วบริเวณการระเบิดแม้ว่าจะมีการพยายามค้นหาจนถึงปัจจุบันก็ตาม คนเดียวที่สามารถให้คำตอบการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ที่เป็นปริศนาครั้งนั้นได้ก็คือ นิโคลา เทสลา เห็นได้ชัดว่านิโคลาเล็งเป้าผิดไปนิดนึง เป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์เป็นอย่างมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการระเบิดครั้งนั้น เมื่อนิโคลาเห็นอานุภาพที่แท้จริงของสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมา โดยที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่ามันมีอำนาจทำลายล้างมากขนาดนั้น นิโคลาตัดสินใจรื้อเจ้าอาวุธมหาประลัยนั้นออกเป็นชิ้น ๆ ทันที เขากล่าวว่ามันอันตรายมากเกินกว่าที่จะยอมให้มีมันอยู่บนโลก อีก 6 ปีต่อมาก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 นิโคลาได้กลับมาคิดทบทวนถึงอาวุธลำแสงมหาประลัย ด้วยความต้องการที่จะให้สงครามจบลงอย่างรวดเร็ว เขาจึงได้เขียนจดหมายไปถึงประธานาธิบดีวูดโรว์ ( Woodrow Wilson ) เล่าความลับเรื่องการทดลองอาวุธลำแสงมหาประลัยของเขาให้ฟัง พร้อมกับเสนอตัวว่าเขาจะสร้างมันขึ้นมาใหม่เพื่อให้กองทัพสหรัฐนำไปใช้สงคราม เขาอ้างว่าด้วยอานุภาพของมัน จะทำให้นานาประเทศต้องหันหน้ามาเจรจาโดยสันติวิธีทันที แต่คำตอบที่นิโคลาได้รับจากทำเนียบขาวก็มีเพียงจดหมาย ตอบขอบคุณในข้อเสนอของนิโคลา จากเลขา ฯ ของท่านประธานาธิบดี นิโคลาไม่ทิ้งความพยายามที่ต้องการช่วยเหลือประเทศที่เขาอาศัยอยู่ ในปี ค.ศ. 1917 เขาเสนอความคิดใหม่ที่จะสร้างเครื่องมือตรวจจับตำแหน่งยาน พาหนะของข้าศึก ที่เขาเรียกมันว่า Exploring Ray หรือ ลำแสงสำรวจ คำตอบที่เขาได้รับจากกระทรวงสงครามของสหรัฐครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากครั้งก่อน ๆ พวกเขาต่างหัวเราะเยาะในความคิดของนิโคลา แต่หลังจากนั้นอีกหลายปีต่อมา ได้มีคนสร้างสิ่งประดิษฐ์ชิ้นใหม่ที่ทำให้ฝ่ายพันธมิตรได้รับชัยชนะได้รับ ชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกเขาเรียกมันว่า เรดาห์










Sunday, July 5, 2009

RingTone เพลงใหม่ เดือน ก.ค. 2009


RingTone เพลง เดือน ก.ค. 2009 เพื่อนๆสามารถนำเข้าโทรศัพท์ได้เลย เพราะว่าทุกๆเพลงที่นำมาแจกนี้ถูกEdit ตัดต่อเรียบร้อย ในครั้งต่อไปเพลงไหนออกมาใหม่อีกและเพลงฮิตๆ แล้วเราจะนำมาแจกอีกนะ..ติดตาม..เมนูด่วน..ต่อๆไป

Saturday, July 4, 2009

ตายอีก1!หวัด09ตายรายที่7เป็นสาวราชบุรี


สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ล่สุดพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 รายแล้ว รวมมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้แล้วทั้งสิ้นแล้ว 7 ราย
นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานรณรงค์ให้ประชาชนคนไทย งดดื่ม งดเมา งดเหล้าเข้าพรรษา เนื่องในวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ประจำปี 2552 ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุที่ผ่านมาอุบัติเหตุเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชาชนคนไทยเป็นอันดับที่ 3 โดยการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ นับเป็นสาเหตุหลักข้อหนึ่ง ทำให้เกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากในแต่ละปีส่วนทางด้านไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นรายที่ 7 ของประเทศไทยแล้ว โดยเป็นหญิงอายุประมาณกว่า 30 ปี จาก จังหวัดราชบุรี ส่วนกรณีมีอาการป่วยแทรกซ้อนอีกหรือไม่ นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข จะเป็นผู้แถลงผลให้ได้รับทราบในรายละเอียดอีกครั้งทั้งนี้ นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข กล่าวถึง ความคืบหน้า กรณีผู้สื่อเสียชีวิตรายที่ 7 จากโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นหญิงจาก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี อายุ 37 ปี มีอาการป่วยปอดอักเสบแทรกซ้อน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 2 ก.ค. และเสียชีวิตในเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังคงต้องเฝ้าระวังและติดตามอาการของญาติในครอบครัวผู้เสียชีวิตอีก 6 รายว่าติดเชื้อด้วยหรือไม่ และล่าสุดผู้เฝ้าระวังทั้ง 6 ราย ยังคงมีอาการเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยอีกว่า กระทรวงจะยังเฝ้าติดตามอาการของผู้ป่วยอีก 2 ราย อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีอาการน่าเป็นห่วง รายแรกมีอายุมากถึง 80 ปี ส่วนอีกรายมีน้ำหนักค่อนข้างมากแพทย์จึงต้องเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด





แพนด้าลืมตาดูโลกแล้วโสภณบอกแค่ 38 วัน

แพนด้าลืมตาดูโลกแล้วโสภณบอกแค่38วัน
-->
"โสภณ ดำนุ้ย" เผย แพนด้าน้อย ลืมตาดูโลกแล้ว หลังคลอดได้ 38 วัน ระบุเป็นที่สองรองจากประเทศจีน ขณะที่บรรยากาศสวนสัตว์เชียงใหม่ประชาชนยังเดินทางเข้าชมต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

นายโสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ถึงความคืบหน้าการเจริญเติบโตของแพนด้าน้อย ว่า ล่าสุดเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปลูบตัวแพนด้าน้อยปรากฏว่าแพนด้าน้อยลืมตาข้างซ้ายมาจ้องมองที่ตนเอง ซึ่งถือเป็นการลืมตาดูโลกครั้งแรก

ส่วนสถิติที่เคยมีปรากฏนั้นที่ประเทศจีนลูกแพนด้าใช้เวลา 35 วันกว่าจะลืมตาได้ ส่วนของไทยเรานั้นใช้เวลา 38 วัน ซึ่งถือว่าเป็นที่ 2 รองจากจีนส่วนบรรยากาศที่สวนสัตว์เชียงใหม่ในวันนี้นั้น ปรากฏว่ามีผู้เข้าชมเต็มต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ซึ่งงานบายศรีสู่ขวัญ รับขวัญ แพนด้าน้อยนั้น จะเริ่มขึ้นอย่างเต็มรูปแบบในวันพรุ่งนี้
**ข่าวจาก ไอเอ็นเอ็น**

VampireS_677เดือน ก.ค.2009


VampireS_677เดือน ก.ค.2009
เราคนไทยมีน้ำใจแบ่งปันกันอยู่แล้ว ถ้าหากเพื่อนๆต้องการฟังเพลงใหม่,ชมรูปต่างๆ,และต้องการโปรแกรมดีซักตัวและกำลังค้นหาเพื่อโหลดมันตอบสนองความต้องการตัวเอง ผมมีเก็บเป็นสต๊อกไว้อยู่ไม่เยอะแต่ก็พอให้เพื่อนๆที่เข้ามาชมBlogนี้ได้โหลดไปใช้กัน...(ไม่ขาย..ถ้าอยากได้ก็แจกฟรี)..ถ้าเพื่อนๆจะโหลดเพลงไหนก็เลือกได้ตามสบาย

Friday, July 3, 2009

จับพ่อเฒ่าหื่นข่มขืนฝาแฝดจนตั้งท้อง


ตำรวจ รวบเฒ่าวัย 59 พนักงานเทศบาล ข่มขืนสองหนูน้อยฝาแฝด สติไม่สมประกอบ จนตั้งท้อง สอบสวนรับสารภาพ เจ้าหน้าที่เตรียมหาทางช่วยเหลือ 2 หนูน้อย...
เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.) พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็น วันที่ 2 ก.ค. ได้รับแจ้งจากนายสมพร ชอบทำกิจ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง ว่า ได้ร่วมกับชาวบ้านจับกุมตัว นายแดง (นามสมมติ) เป็นพนักงานเก็บกวาดขยะของเทศบาลตำบลที่วัง เอาไว้ได้โดยแจ้งข้อหาว่าได้ข่มขืนกระทำชำเรา เด็กหญิงเอ และเด็กหญิงบี เป็นเด็กฝาแฝด หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.สมพงศ์ ได้สั่งให้ พ.ต.ท.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ สารวัตรเวร พร้อมกับพวกไปรับตัวมาที่ สภ.ทุ่งสง โดยมีนายสมพร ชอบทำกิจ ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านจำนวนหนึ่ง และ พ่อของเด็กหญิงทั้งสองนำลูกสาวตามมาที่ สภ.ทุ่งสงด้วย จากการสอบสวนทราบว่า เด็กหญิงเอ และเด็กหญิงบี เป็นเด็กที่ไม่สมบูรณ์ สติไม่สมประกอบ ไม่ได้เรียนหนังสือ ขณะที่เด็กหญิงทั้งสองเดินเล่นในหมู่บ้าน พ่อแม่ออกไปทำงานรับจ้าง นายแดง จะฉวยโอกาสมาหลอกลวงชักชวนเด็กทั้งสองคนไปข่มขืนกระทำชำเราในป่าละเมาะกลางสวนยางพารา โดยจะชักชวนไปครั้งละ 1 คน สถานที่ที่นำไปข่มขืนในป่าละเมาะนายแดง ได้นำเอาฟูกไปปู เตรียมไว้ก่อนแล้ว หลังล่วงละเมิดทางเพศเสร็จ จะให้เงิน ครั้งละ 20- 30 บาท พร้อมกับสั่งไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกใคร ในที่สุดชาวบ้านทนดูพฤติกรรมไม่ไหว จึงแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ แล้วช่วยกันจับกุมตัวนายแดง ขณะอยู่ที่บ้านพักของตนเองส่งให้ตำรวจดำเนินคดีดังกล่าว จากการสอบสวนนายแดง ให้การรับสารภาพ สำหรับนายแดง เป็นพ่อม่าย ภรรยาเสียชีวิตไปนานแล้ว พักอยู่ที่บ้านเพียงลำพังหลังจากสอบปากคำเด็กหญิงทั้งสองแล้ว ทางตำรวจได้ส่งตัวไปให้แพทย์ตรวจพิสูจน์ ปรากฏว่าพบร่องรอยการถูกข่มขืนจริง และยังตรวจพบว่าเด็กฝาแฝดทั้งสองได้ตั้งท้องคนละ 3 เดือนแล้วพ.ต.อ.สมพงศ์ กล่าวว่า หลังสอบสวนปากคำนายแดงแล้ว พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวนายแดง ไปยื่นคำร้องฝากขังนายแดงที่ศาลจังหวัดทุ่งสงในระหว่างสอบสวนพยานเป็นเวลา 12 วัน ศาลอนุญาตตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ

ตลาดนัดจตุจักรเปิด 24 ชม.


บอร์ดตลาดนัดปรับเวลาปิดเปิด-เริ่มเสาร์ที่ 4 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ของวันเสาร์ ถึงเวลา 22.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เพื่อขยายโอกาสให้กับผู้ค้าที่สามารถขายสินค้าเพิ่มมากขึ้น…..นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ ประธานคณะกรรมการควบคุมการจัดตลาดนัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. เป็นต้นไปตลาดนัดจตุจักรจะมีการปรับรูปแบบการค้าใหม่ โดยเฉพาะปรับเวลาเปิด-ปิดตลาด เป็นเปิดตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันเสาร์ ถึงเวลา 22.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เพื่อขยายโอกาสให้กับผู้ค้าที่สามารถขายสินค้าเพิ่มมากขึ้นและนักท่องเที่ยว นักซื้อของมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้า ขณะเดียวกันในวันศุกร์นั้น จะเปิดตั้งแต่ เวลา 18.00-24.00 น. ที่บริเวณหน้ากองอำนวย การตลาดนัดจตุจักร เป็นตลาดนัดมิดไนท์ (Mid Nigth) ตามโครงการขยายพื้นที่การค้าให้ประชาชนที่อยากมีรายได้พิเศษของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. และตั้งแต่เวลา 01.00-07.00 น. บริเวณเดียวกันจะเปิดพื้นที่ให้เป็นตลาดค้าส่ง ส่วนในวันเสาร์นั้นซึ่งจะมีการเปิดตลาด นัดจตุจักรตลอดทั้งคืนนั้น จะมีกิจกรรมการแสดง การละเล่นในพื้นที่กิจกรรมมากขึ้น ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น ได้มอบนโยบายไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อาทิ เจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ให้ทำหน้าที่อย่างเข้มงวดขึ้น ทั้งนี้ ยอมรับว่าในช่วงของการบริหารงานที่ผ่านมาพบว่ามีนักท่องเที่ยวถูกล้วงกระเป๋าและเข้ามาร้องเรียนเพิ่มมากขึ้นจากช่วงปีที่ผ่านมา นายพรเทพกล่าวด้วยว่า นอกจากนั้นแล้วในส่วนของการจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่ที่ได้มีการจัดระเบียบไปแล้ว อาทิ รถเข็นขายผลไม้ รถเข็นขายน้ำ รถเข็นขายไอศกรีม จำนวน 76 ราย ขณะนี้จะมีการดำเนินโครงการต่อเนื่องใน ส่วนของผู้ค้าหาบเร่อื่นๆ โดยจะจัดสรรพื้นที่ลานกิจกรรม บริเวณประตู 1 ให้เป็นโซนขายสินค้า เบื้องต้นทางกองอำนวยการฯได้ประกาศ ให้ผู้ที่สนใจมาลงทะเบียนแล้ว ขณะนี้มีผู้ค้ามาลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก.

บุกยิงแสกหน้า ทหารดับ บนขบวนรถไฟ

เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน .38 ยิงทหารสังกัดหน่วยข่าวกรอง ปัตตานี กระสุนเจาะกลางหน้าผากเสียชีวิตคาที่ ขณะกำลังนั่งหลับบนรถไฟสายกรุงเทพฯ - ยะลา ช่วงผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ วันนี้ (4 ก.ค.) ร.ต.อ.สมมาตร สังข์ทอง ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธร อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนยิงผู้โดยสารเสียชีวิต บนรถไฟ กรุงเทพฯ - ยะลา ขบวนที่ 169 เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พบศพ จ.ส.อ.บุญโญ ลำดับพงศ์ ทหารสังกัดหน่วยข่าวกรอง กองบัญชาการทหารสูงสุด อายุ 45 ปี นั่งเสียชีวิตที่เบาะ ที่นั่งผู้โดยสาร สภาพศพ ถูกยิงด้วยกระสุนปืนเข้าที่กลางหน้าผาก กระสุนทะลุหลังศีรษะ โดยในที่เกิดเหตุ พบหัวกระสุนปืนขนาด .38 จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า จ.ส.อ.บุญโญ เป็นนายทหารการข่าวที่ได้ประจำการอยู่ที่ จ.ปัตตานี และได้เดินทางกลับมาบ้านที่ จ.ราชบุรี หลังจากเสร็จภารกิจ จึงได้เดินทางกลับมาภาคใต้ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ในขณะที่มาถึง อ.ทับสะแก ผู้โดยสารกำลังหลับสนิท มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด พบว่า จ.ส.อ.บุญโญ ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือ เหตุความไม่สงบ ล่าสุด ตำรวจสามารถจับคนร้ายได้แล้ว ที่ จ.ชุมพร โดยนั่งปะปนอยู่กับผู้โดยสาร พร้อมอาวุธปืน ของกลาง

แจ้งจับแกนนำม็อบ ปิดถนนยึดศาลากลาง

ตร.สภ.เมืองเชียงราย-ขรก. แจ้งจับแกนนำม็อบต่อต้านโรงไฟฟ้า หลังพากันปิดถนน ขวางทางเข้า-ออกศาลากลางจังหวัด สร้างความเดือดร้อน ขณะที่พนง.สอบสวนเตรียมออกหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหาแล้วเมื่อเวลา 00.30 น.ที่ผ่านมา(4 ก.ค.)พ.ต.ท.อนันตเดช ยาวิชัย รอง ผกก.ป. สภ.เมืองเชียงราย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน (สบ.3) สภ.เมืองเชียงราย เพื่อดำเนินคดีกับนางสุพรรณี แสงอรุณ กับพวกที่พากันไปปิดถนนพหลโยธินบริเวณสี่แยกแม่กรณ์ ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย เพื่อต่อต้านการสร้างโรงงานผลิตแระแสไฟฟ้าชีวมวล พื้นที่ อำเภอเวียงชัย ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะได้ออกหมายเรียกนางสุพรรณี กับพวกมารับทราบข้อกล่าวหา หากออกหมายเรียกไปแล้ว 3 ครั้งไม่มารายงานตัวก็จะเสนอต่อศาลจังหวัดเชียงรายเพื่อออกหมายจับตัวมาดำเนินคดีต่อมาได้มีนายกมล ธิฉลาด อายุ 51 ปี นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการ สำนักงานจังหวัดเชียงราย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมอีก ว่าเมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 3 กรกฎาคมผ่านมา ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 500 คนมาชุมนุมประท้วงเกี่ยวกับการคัดค้านก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังชีวมวลในเขต พื้นที่ อ.เวียงชัย ซึ่งได้นำเอารถยนต์บรรทุก 6 ล้อ จำนวน 2 คันมาปิดขวางถนนทางเข้า - ออก ของศาลากลางจังหวัดเชียงราย ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวได้สร้างความเดือดร้อนให้กับข้าราชการที่เลิกงานและ จะเดินทางกลับไปยังบ้านพัก ทั้งๆที่ได้เข้าไปของร้องกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวแล้วแต่กลุ่มบุคคลดังกล่าว ไม่ยอม จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย ซึ่งทางตำรวจได้สอบสวนปากคำและลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆเพื่อออกหมายเรียกแกนนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

สาวซิ่งกระบะ ยางระเบิด ชนเสาไฟฟ้าหวิดดับ

สาวเมืองกำแพงเพชร วัย 18 ปี ซิ่งกระบะ ยางล้อหน้าระเบิด รถเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าขาด 2 ท่อน เจ้าตัวรอดตายหวุดหวิดเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา (3 ก.ค.) พ.ต.ท.ทวิวัชร ปิติปภาดา สารวัตรเวร สภ.เมืองกำแพงเพชร ได้รับแจ้งเหตุรถกระบะชนเสาไฟฟ้าขาดสองท่อนทำให้ไฟฟ้าดับ จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณตรงข้ามโรงพยาบาลแพทย์บัณฑิต พบรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน นาวาร่า สีบอรนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กค 3701 กำแพงเพชร เสียหลักพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าขาดสองท่อน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน ประตูด้านคนขับยุบจากการกระแทกกับเสาไฟฟ้า ห่างออกไป 15 เมตร พบเสาไฟฟ้าล้มลง สอบสวนคนขับรถทราบชื่อ น.ส.กรุณา ป้องเหลือบ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/52 ถนนเลี่ยงเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร กล่าวว่า เขับรถมาถึงที่เกิดแหตุ ยางล้อหน้าด้านขวาเกิดระเบิด รถเสียหลักพุ่งปีนบนทางเดินเท้า และเข้าชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางจนท้ายกระบะหมุนไปด้านหน้า ส่งผลให้ลำตัวรถไปฟาดกับเสาไฟฟ้าที่มีหม้อแปลงขนาดใหญ่จนขาด 2 ท่อน ส่วนตนได้คาดเข็มขัดนิรภัย จึงปลอดภัยได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เสาไฟฟ้าที่ขาดสองท่อนเป็นเสาไฟฟ้าแรงต่ำ มีความเสียหายทำให้ไฟฟ้าไม่สามารถจ่ายไฟได้ ส่งผลให้ไฟฟ้ากลางเมืองกำแพงเพชรดับทั้งคืนไม่มีไฟฟ้าใช้ นอกจากนี้สายเคเบิ้ลทีวี โทรศัพท์ ได้รับความเสียหายใช้การไม่ได้ ซึ่งจากการประเมินค่าเสียหายเบื้องต้นนับล้านบาท.

ลิซาหัวใจสลาย ไมเคิลรู้ตัว จบเหมือนเอลวิส

อดีตภรรยาของไมเคิล แจ๊กสัน "ลิซา มารี เพรสลี" เผย อดีตสามีเคยคุยว่าจะเสียชีวิตเหมือน "เอลวิส เพรสลี" ยืนยัน ความรักของทั้งคู่ไม่ใช่การหลอกลวง เหมือนที่สื่อรายงาน ...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (27 มิ.ย.) ว่า ลิซา มารี เพรสลี ลูกสาวคนเดียวของ เอลวิส เพรสลี ราชาเพลงร็อค และ อดีตภรรยาของ ไมเคิล แจ๊กสัน ได้เขียนถึงอดีตสามี ในบล็อกของเธอเอง ว่า แจ๊กสันเคยคุยกับเธอเกี่ยวกับการตายของเขา เมื่อ 14 ปีก่อน ว่า เขากลัวว่าจะเสียชีวิตเหมือนกับบิดาของเธอ ซึ่งเธอพยายาม ให้เขาเลิกคิดอย่างนั้น แต่เขาก็แค่ยักไหล่
เพรสลี บอกว่า เธอรักแจ๊กสัน และเชื่อว่า เขาก็รักเธอเช่นกัน และยืนยันว่าการแต่งงานของเธอกับแจ๊กสัน ไม่ใช่การหลอกลวง อย่างที่สื่อมวลชนรายงาน ทั้งนี้ ไมเคิลและ ลิซา ได้หมั้นและแต่งงานกัน เมื่อปี 1994 จนถึงปี 1996 แต่ไม่มีลูกด้วยกัน จากนั้น ไมเคิลมีบุตร 2 คนจากการผสมเทียมกับเด็บบี้ โรว์ พยาบาลสาว และมีเพิ่มอีก 1 คนจากสาวผู้ไม่เปิดเผยนาม ด้วยการผสมเทียม
ขณะที่ โฆษกของเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพในนครลอสแองเจลิสของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ครอบครัวของแจ๊กสัน ได้เข้ารับศพของแจ๊กสันแล้ว หลังเจ้าหน้าที่ผ่าชันสูตรศพ เมื่อ เวลา 21.00 น.วันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับเวลา 11.00 น.วันนี้ (27 มิ.ย.) ตามเวลาในไทย โดยหลบเลี่ยงบรรดาช่างภาพและผู้สื่อข่าว แต่ไม่ทราบว่าศพของแจ๊กสัน ถูกนำไปไว้ยังที่ใด รวมทั้งยังไม่ทราบเกี่ยวกับกำหนดพิธีศพ
สำหรับผลการผ่าชันสูตรศพ ยังไม่สามารถสรุปหาสาเหตุได้ โดยต้องรอผลตรวจสอบก่อน แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การฆาตกรรม


ดี๋ ดอกมะดัน สิ้นลมแล้ว รักษานาน3 ปี


ดี๋สิ้นลมหายใจอย่างสงบ ที่บ้านพักย่านรามอินทรา หลังนอนหลับเป็นเจ้าชายนิทรา ตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 49 เสียชีวิตลงเมื่อเช้านี้เมื่อเวลา 05.00 น. ด้วยอายุ 58 ปีนางเสาวลักษ์ ศรีสวัสดิ์ ภรรยาของนายศุภกรณ์ ศรีสวัสดิ์ หรือดี๋ ดอกมะดัน กล่าววันนี้ (2 ก.ค.) ว่า ดี๋ได้สิ้นลมหายใจอย่างสงบ ที่บ้านพักย่าน ถ.รามอินทรา หลังนอนหลับเป็นเจ้าชายนิทรา ตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 49 จากอาการโรคหอบกำเริบ และหัวใจหยุดเต้น ขณะนำตัวโรงพยาบาลนานถึง 15 นาที จนทำให้สมองขาดออกซิเจน ที่ผ่านมา โดยดี๋ อยู่ในความดูแลของครอบครัว ถึง 3 ปี ก่อนจะเสียชีวิตลงเมื่อเช้านี้เมื่อเวลา 05.00 น. ด้วยอายุ 58 ปี ทั้งนี้ภรรยาตลกชื่อดัง อยู่ระหว่างบวชชีพราหมณ์เพิ่งทราบข่าวกำลังเดินทางกลับบ้าน ด้านสมาคมศิลปินตลกแห่งประเทศไทยกำลังเตรียมการเรื่องพิธีศพทั้งนี้ ดี๋ ดอกมะดัน จบการศึกษาปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และแต่งงานกับนางเสาวภา ศรีสวัสดิ์ โดยมีธิดา 2 คน คือ น.ส.พรรณวรินทร์ ศรีสวัสดิ์ หรือ บีม และ น.ส.มนชญา ศรีสวัสดิ์ หรือ เบลล์ โดยเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงเมื่อปี 2518 ด้วยการแสดงบนเวทีและเป็นโฆษกอยู่วงดนตรีลูกทุ่งสาริกา กิ่งทอง จากนั้นใช้ชีวิตเร่ร่อนไปกับวงดนตรีต่างๆ ร้องเพลงในสไตล์ของ ชาตรี ศรีชล และ ชาย เมืองสิงห์ ใช้ชื่อต่างๆ กัน เช่น กิ่งดอกพิกุล ลูกอ๊อด ป้อง ปัตตานี อยู่ 3 0ปีเต็ม จึงมารวมตัวกับเด่น ดอกประดู่ เด๋อ ดอกสะเดา เทพ โพธิ์งาม เป็นคณะตลกที่ประสบความสำเร็จมาก เปลี่ยมมาเป็น เด่น เด๋อ ดู๋ ดี๋ และ เด๋อ ดู๋ ดี๋ จนเป็นนักแสดงเดี่ยว และล่าสุดเป็นนายกสมาคมตลกแห่งประเทศไทย ในปี 2541-2542อย่างไรก็ตาม ดี๋ ดอกมะดัน มีผลงานภาพยนตร์ เรื่องแรก เจ้าพ่อเชียงกง, มหาเฮง เป็นผู้ช่วยพิธีกร รายการพลิกล็อค,เฉียบ,ห้า ฮ่า ฮ่า ทางช่อง 5 และได้รับรางวัลพระสุรัสวดี ดาราประกอบชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง มหาเฮง และมีกิจการส่วนตัวเป็นร้านอาหาร 2 ร้าน คือ พิราบขาว ที่หาดใหญ่ และ ดี๋ ดอกมะดัน คาเฟ่ ที่ภูเก็ต



Thursday, July 2, 2009

เจ้าอาวาสปฏิเสธ ข่มขืนสาว ลูกศิษย์ยันพระดี


บรรดาลูกศิษย์เชื่อไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา เจ้าอาวาสวัดป่าหนองมงคล จ.ร้อยเอ็ด ระบุ การเดินทางไปมอบตัวกับตำรวจก็เพื่อความบริสุทธิ์ใจ และจะขอต่อสู้คดี ตามกฎหมายต่อไปจากกรณีเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. พระอดิศักดิ์ จารุณวัณโณ เจ้าอาวาสวัดป่าหนองมงคล บ้านหัวคน ต.หนองหมื่นถ่าน อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด เข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท. รุ่งเรือง สลับสี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ดเพื่อต่อสู้คดีถูก นางดา (นามสมมติ) อายุ 33 ปี กล่าวหา 3 ข้อ ต่อมาได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และได้รับการปล่อยตัวไปชั่วคราวในระหว่างการดำเนินคดี และตำรวจนัดให้มาพบกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 2 ส.ค. เพื่อดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไปนั้นความคืบหน้า วันนี้ (1 ก.ค.) เจ้าอาวาสวัดป่าหนองมงคล เปิดเผยว่า ไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ไม่ได้ข่มขืนหรือข่มขู่นางดา (นามสมมติ) ตามที่เป็นข่าว ส่วนการเดินทางไปมอบตัวก็เพื่อความบริสุทธิ์ใจ และจะขอต่อสู้คดี ตามกฎหมายต่อไปขณะเดียวกันบรรดาลูกศิษย์ต่างยืนยันว่า เจ้าอาวาสวัดป่าหนองมงคล เป็นพระนักพัฒนา สร้างความเจริญให้กับชุมชน เชื่อมั่นว่า ไม่ได้ก่อเหตุอย่างที่เป็นข่าวแน่นอน



สาวช็อกเป็นหนี้ 8แสนล้าน ถูกทวง-โร่แจ้งตร.


อสม.สาวใหญ่เมืองแม่สอด สุดช็อกถูกบริษัทสินเชื่อส่งหนังสือทวงหนี้ 8 แสนล้านบาท ทั้งที่จำนวนหนี้จริงแค่ 1.3 หมื่นบาท ส่งเอกสารชี้แจงกลับไปยังบริษัท แต่เรื่องเงียบ วิตกหนักเข้าแจ้งตำรวจ.. เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (1 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนางกุสุมา จ๊ะสุนา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/3 ถนนสายแม่สอด-แม่ตาว ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก หลังทราบข่าวว่า นางกุสุมา ถูกบริษัทสินเชื่อทวงหนี้เป็นเงินกว่า 8 แสนล้านบาท โดยนางกุสุมา เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้รับหนังสือทวงหนี้จากสำนักงานทนายความรับมอบอำนาจจาก บริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่ง จำนวน 2 ฉบับ ลงวันที่ 13 มิ.ย. 2552 ฉบับแรกจำนวนเงิน 12,840.24 บาท ซึ่งตนเป็นหนี้ที่ต้องผ่อนใช้เดือนละ 300 บาท ส่วนหนังสือฉบับที่สองระบุจำนวนเงิน 806,811,928,997 บาท (แปดแสนหกพันแปดร้อยสิบเอ็ดล้านเก้าแสนสองหมื่นแปดพันเก้าร้อยเก้าสิบเจ็ดบาท) ลงชื่อ น.ส.ณัฐกานต์ ผู้จัดการฝ่ายบริหารหนี้สิน นางกุสุมา เล่าต่อไปว่า เมื่อเห็นจำนวนตัวเลข ถึงกับตกใจ รีบโทรศัพท์ติดต่อกับเจ้าหน้าที่บริษัทดังกล่าวที่ระบุในใบทวงหนี้และโทรศัพท์ติดต่อ คุณสุวจี หมายเลขโทรศัพท์ 084-088-7783 แจ้งเรื่องให้ทราบ ซึ่งทางบริษัทขอเวลาตรวจสอบและให้ส่งโทรสารใบทวงหนี้ฉบับ 8 แสนล้านบาท ไปยังหมายเลข 0-2308-9941 และจะติดต่อกลับมาอีกครั้ง แต่ตนรอทั้งวันก็ไม่ติดต่อมา เมื่อโทรศัพท์ไปสอบถามอีกครั้ง ก็พบว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวปิดโทรศัพท์มือถือ จึงปรึกษากับญาติก่อนเข้าแจ้งความที่ สภ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อวานนี้ (30 มิ.ย.) ทั้งนี้ นางกุสุมา เล่าถึงสาเหตุการเป็นหนี้กับบริษัทสินเชื่อ มาจากเมื่อราวปี 2547-48 ได้เดินทางเข้าไปทำงานเป็นลูกจ้างร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่งย่านนวมินทร์ กรุงเทพฯ มีเพื่อนร่วมงานเดือดร้อนจะผ่อนซื้อสินค้า ตนจึงช่วยเพื่อนโดยสมัครเป็นสมาชิกบริษัท และผ่อนซื้อสินค้าราคาประมาณ 10,000 บาท หลังจากนั้นได้ส่งเงินชำระให้ตลอด จนกระทั่งออกจากงาน เดินทางกลับมาอยู่กับครอบครัวที่ อ.แม่สอด จนกระทั่งเมื่อ 2-3 เดือนก่อน ได้รับหนังสือทวงหนี้จากบริษัทว่าเป็นหนี้อยู่ประมาณ 13,000 บาท จึงขอผ่อนผันจ่ายเดือนละ 300 บาททุกเดือน โดยส่งงวดแรกเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 300 บาท พอเดือนที่สองก็ได้รับใบแจ้งหนี้ดังกล่าว

--ข่าวจาก--



ฉุดนร.หญิงม.1 ล่ามโซ่ ขังเปลือยในบ้าน








คนร้าย ฉุดเด็กนักเรียนหญิง ม.1 ขึ้นรถตู้ หมดสติตื่นขึ้นมา พบถูกล่ามโซ่ที่ข้อเท้า สภาพเปลือยกาย โดนขังไว้ที่บ้านย่านปทุมธานี ชาวบ้านได้ยินเสียงตะโกน แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ ...
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (26 มิ.ย.) สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ได้รับแจ้งจากมูลนิธิปวีณาหงสกุล ว่ามีชาวบ้านได้ยินเสียงเด็กร้องขอความช่วยเหลือเกรงว่าจะมีเหตุร้ายขอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบด้วย ภายในบ้านย่าน จ.ปทุมธานี หลังได้รับแจ้ง ร.ต.อ.เกรียงไกร แสงยศ ร้อยเวรสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น พร้อมทั้งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับ พ.ต.อ.วัฒนา วงค์จันทร์ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ พ.ต.ท.วรพจน์ ชูเชิด รอง.ผกก.ป.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง และหน่วยกู้ชีพเทศบาลเมืองรังสิตในที่เกิดเหตุพบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านไม้สองชั้น มีรั้วรอบขอบชิด ประตูหน้าบ้านมีกุญแจคล้องอยู่อย่างแน่นหนา และยังได้ยินเสียงเด็กสาวร้องขอความช่วยเหลืออยู่ด้านใน เจ้าหน้าที่จึงได้ตัดกุญแจหน้าบ้านและเข้าไปด้านใน ในเบื้องต้นพบ ด.ญ.คนหนึ่งทราบชื่อต่อมา คือ ด.ญ.แนน (นามสมมติ) นั่งอยู่บนเตียงเล็กๆ โดยมีโซ่ขนาดใหญ่ยาวประมาณ 1 เมตร ล่ามอยู่ที่ข้อเท้าขวาและมีลูกกุญแจคล้องอยู่อีกชั้น เจ้าหน้าที่จึงช่วยตัดโซ่ที่ล่ามข้อเท้าออก จากการสอบสวนในเบื้องต้น ด.ญ.แนน ให้การว่า ตนเรียนอยู่ชั้น ม.1 ก่อนเกิดเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 21.00 น. ขณะที่ตนเองเดินกลับมาจากบ้านเพื่อน มีรถตู้ไม่ทราบสี และยี่ห้อ ขับมาจอดด้านข้างๆ จากนั้นมีคนร้าย 1 คนเป็นชาย ลงมาจากรถแล้วใช้ผ้าปิดปาก และจมูก แล้วลากขึ้นรถตู้ขับออกไป จากนั้นตนก็ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. ก็สะดุ้งตื่นพบว่าตนนอนอยู่บนเตียง ภายในบ้านหลังหนึ่ง โดยอยู่ในสภาพเปลือยกาย มีโซ่ล่ามข้อเท้าขวาอยู่ ต่อมาได้มีชาย 2 คนเข้ามาในบ้าน และซื้อข้าวมันไก่ มาวางไว้ให้จำนวน 2 ห่อ บอกว่าให้เอาไว้กิน และจากนั้นทั้ง 2 คนก็หายออกไปจากบ้าน เมื่อเวลาผ่านไปสักพักตนจึงได้ตะโกนเรียกให้ชาวบ้านมาช่วย และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยเหลือดังกล่าว หลังจากสอบสวนแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัว ด.ญ.แนน ส่งไปตรวจสภาพร่างกายที่ โรงพยาบาลประชาธิปัตย์ และจะได้ติดต่อญาติ ให้มารับตัว และ สอบปากคำเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ด้าน พ.ต.อ.วัฒนา วงศ์จันทร์ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ในขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบภายในบ้านหลังดังกล่าวอย่างละเอียด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งเราได้พบบัตรประจำตัวของพนักงานการประปานครหลวง ระบุชื่อคือนายสถิต ผ่องโสภณ ตกอยู่ในบ้าน และ เมื่อได้ให้ ด.ญ.แนน ผู้เสียหายดู ยืนยันว่า เป็น 1 ใน 2 คนร้ายที่อยู่ในบ้าน เตรียมเรียกตัวมาสอบสวนต่อไป
ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว คือนายสถิต ผ่องโสภณ ขณะย้อนกลับมาที่บ้าน เบื้องต้นรับสารภาพว่า แอบชอบพอด.ญ.แนน อยู่และไม่ต้องการเพื่อนอีกคนมาจีบ เมื่อคืนจึงขับรถตู้ไปดักรอที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฉุดขึ้นรถตู้และนำไปล่ามโซ่ ไว้ที่บ้านร้าง ที่จ.ปทุมธานี นายสถิตย์ เปิดเผยว่าลงมือทำคนเดียว พร้อมปฏิเสธว่าข่มขืนเด็กหญิง แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อจึงเร่งสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อขยายผล


--ข่าวจาก--